Sunday, January 21, 2007

หนุ่มสาว หมา และ คนตาบอด

๑.
ผมเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ กับความคิดที่มันล้นออกมาจากสมองของผู้หญิงหลายๆ คน
"ผู้ชายมันเลวยิ่งกว่าหมา" "ผู้ชายเป็นเพศที่เห็นแก่ตัว" "หาดีไม่ได้หรอก ผู้ชายน่ะ" ฯลฯ สารพัดประโยคที่จะได้ยิน
ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผมกลับไม่โกรธ ที่ถูกด่าอย่างเหมารวม
บางครั้งผมก็พอจะเข้าใจได้ในอารมณ์โกรธ
บางครั้งผมก็พอจะจินตนาการได้ในเรื่องร้ายๆ ที่เธออาจประสบพบเจอมา
บางครั้งผมก็พอจะยอมรับได้ในส่ิงที่เธอทั้งหลายพูดมา


๒.
ผมเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ กับความคิดที่มันล้นออกมาจากสมองของผู้ชายหลายๆ คน
"เป็นคนดีแล้วมันไม่มีใครหรอกโว้ย" "ผู้หญิงชอบผู้ชายเหี้ยๆ ว่ะ" "ผู้ชายดีๆ มันน่าเบื่อเว้ย ไม่เร้าใจ" ฯลฯ สารพัดประโยคที่จะได้ยิน
ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ผมเองก็สงสัย กับคำพูดเหล่านั้น และหลายสิ่งที่เห็นที่เป็นไป
บางครั้งผมก็พอจะเข้าใจได้ในอารมณ์รักใคร่
บางครั้งผมก็พอจะจินตนาการได้ในเรื่องราวของการปักใจรักและยอมเขาหมดทุกอย่าง
บางครั้งผมก็พอจะยอมรับได้ในความบิดเบี้ยวที่ว่าผู้ชายเลวๆ กลับได้รับความรักจากหญิงสาว


๓.
ไม่ว่ารากเหง้าแห่งความเลวของผู้ชายบางกลุ่มจะมีที่มาจากไหน
ส่วนหนึ่ง มันไม่ใช่เพราะผู้หญิงหรอกหรือ ที่ spoil ผู้ชายเหล่านั้นจนได้ใจ
เขาเลว เขาทำร้าย กลับแกล้งทำลืม ไม่ติดใจในความเลวร้ายของเขา ยังคงรักและบูชาเขาสุดหัวใจ
พร้อมด้วยข้ออ้างที่ว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่ใจอ่อน และสามารถให้อภัยได้ หากคนนั้นเป็นผู้ชายที่เขารัก

"บ้าระยำ" ...ผมสบถ


๔.
การให้อภัย สมควรถูกนำมาใช้ เมื่ออีกฝ่ายสำนึกตนเองว่าผิดจริงๆ
สำนึกว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไป มันทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายมากแค่ไหน
สำเหนียกว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี และไม่คิดที่จะทำอีก
การให้อภัย ไม่สมควรที่จะกระทำได้ง่ายๆ หรือพร่ำเพรื่อ เพียงแค่อีกฝ่ายมาออดอ้อนด้วยถ้อยคำหวาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสิ่งแย่ๆ เหล่านั้นได้ถูกกระทำซ้ำอย่างต่อเนีื่อง และเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สำนึกอะไรในความผิดเหล่านั้น
ได้โปรด อย่าเรียกมันว่าการให้อภัย เพื่อที่จะทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ น่าสงสาร และน่าเห็นใจ


๕.
อาจเป็นด้วยวัย
เมื่อยังรุ่นๆ คงไม่มีใครอยากใช้ชีวิตเรียบๆ น่าเบื่อๆ ใครๆ ก็อยากสนุก อยากตื่นเต้น อยากเร้าใจ อยากผจญภัยด้วยกันทั้งนั้น
นั่นทำให้ผมพอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมผู้ชายดีๆ หลายๆ คนที่ผมรู้จัก ถึงกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อ ไม่เร้าใจ สำหรับผู้หญิงหลายๆ คน
และทำไมผู้ชายเลวๆ บางจำพวก ถึงได้รับความสนใจจากผู้หญิงหลายๆ คน ทั้งๆ ที่เธอก็ถูกเขาทำร้ายอย่างเจ็บปวด
แต่ในเมื่ออยากสนุก เต็มใจที่จะเข้าไปอยู่ในวงจารของความตื่นเต้นเร้าใจ
เมื่อผิดหวัง จะมาร้องแรกแหกกระเฌอเป็นเด็กๆ ไปทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้ขู่บังคับ แต่เธอยินยอมพร้อมใจ สมัครใจที่จะเข้าไปสู่วังวนนั้นเอง

ย้อนไปหลายปีก่อน เพื่อนผมคนหนึ่ง เคยพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด
"ตอนเอากันก็มีความสุขด้วยกัน พอเลิกกันเสือกบอกฟันแล้วทิ้ง ห่า..."
ผมไม่ได้เห็นด้วยกับทั้งหมด แต่ผมก็พอเข้าใจได้ เพราะเพื่อนผมคนนั้นเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่คิดจะหาความสุขด้วยการเอาเปรียบทางเพศจากผู้หญิง
เขาเองก็ผิดหวังไม่แพ้กัน กับความสัมพันธ์ที่ต้องจบลงไป แต่ในเมื่อมันไปด้วยกันไม่ได้ เขาเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก


๖.
ความรักทำให้คนตาบอด บางครั้งเหมือนจะเป็นคำพูดที่ยิ่งกว่าจริง
ไม่ใช่แค่ตา แต่ทั้งหัวใจและสมองมันพร้อมใจกันมืดบอดไปหมด
แล้วชีวิตจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อเราปิดกั้นตัวเองจากความตระหนักรู้ในทุกอย่างแบบนี้

๗.
จะพูดไป หากผมไม่ใช่ผู้ชายที่ไร้เสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างที่เป็นอยู่
แต่กลับเกิดมาเป็นหนุ่มมากเสน่ห์ มีผู้หญิงมากมายที่สนใจ รักใคร่ ชอบพอ พร้อมที่จะแปลงร่างเป็นเจ้าหญิงตาบอดที่คอยให้ปีศาจร้ายจูงไปทางไหนก็ได้
ผมเองก็อาจโดน spoil เสียจนกลายเป็นคนที่มีความคิดแบบผู้ชายกลุ่มดังกล่าวก็ได้

...ก็ในเมื่อโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ มันเป็นแบบนี้...


๘.
ไม่ได้คิดที่จะโทษใครหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่เกือบทั้งหมดของความสัมพันธ์ในโลกนี้ ผมเชื่อว่าตบมือข้างเดียวมันไม่เคยดัง
"เขาเลว" ก็เป็นส่ิงหนึ่งที่เราสมควรจะรับรู้
แต่ "เราพลาด" ล่ะ เคยคิดที่จะมองกันบ้างไหม
ในเมื่อไฟมันไหม้อยู่สองกอง แต่เรากลับมองเห็น และดับได้แค่กองเดียว แล้วชีีวิตเรามันจะหายร้อนไหม

เรารักด้วยหัวใจ แต่มันจริงไหม ที่เราสมควรจะดำเนินความสัมพันธ์แห่งรักนั้นด้วยหัวใจ... และสติ

๙.
คัดลอกมาจากเพื่อนรักคนหนึ่งอีกที

...
...
...

ลอกมาจากหนังสือ คู่มือเบื้องต้น อานาปานาสติ (ชั่วโมงแห่งความดี) ของพระอาจารย์ มิตซูโกะ คเวสโก ที่พี่ที่ผมเคารพมากคนนึงให้มา เมื่อตอนปีใหม่สองปีที่แล้ว (แต่เพิ่งจะได้อ่านเมื่อสองคืนก่อน เนื่องจากนอนไม่หลับ)

การเลือกคบกัลยาณมิตร ทำให้ไม่ติดอารมณ์

โดยปกติ จิตของเรามักจะอยู่กับเรื่องภายนอก ทั้งอดีต อนาคน สิ่งนี้ดี สิ่งนั้นไม่ดี คนนั้นดี คนนั้นไม่ดี ฯลฯ และเรามักจะปล่อยให้จิตของเราคิดไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดหย่อน

ถ้าเราประสบกับความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ชอบ เพราะเราได้เห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่ถูกใจ เรามักจะเก็บความรู้สึกอันนั้นไว้นาน ๆ เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี ๆ เราจึงไม่ค่อยมีความสุขมากนักในชีวิตประจำวัน

หากเราประสบกับสิ่งที่รักที่พอใจ เรามักจะเก็บความรู้สึก และความจำนั้นไว้นาน เป็นปีเช่นกัน แต่เมื่อต้องพบว่าสิ่งนั้นไม่เที่ยง เราต้องประสบกับความพลัดพรากการเสียของรัก เราก็เป็นทุกข์อีก

ถ้าเราสามารถมีสติระลึกรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกในแต่ละขณะ หมายความว่า เราสามารถอยู่กับปัจจุบันในแต่ละขณะได้

เราจะไม่ติดอารมณ์ ไม่เก็บความรู้สึกเก่า ๆ ที่เคยสร้างความขุ่นเคือง เศร้าหมองแก่จิตใจเอาไว้ รวมทั้งไม่เก็บความจำที่เคยทำให้เรามีความสุขจนเราไม่อยากพลัดพรากจากความสุขนั้น เราจะสามารถตัดทิ้งและปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นให้ผ่านไปได้ และในที่สุดเราก็จะสุขภาพใจดีและมีความสุขได้แน่นอน

...
...
...

20 comments:

Jeff said...

หวัดดีครับ เขียนกินใจดีจัง

ว่าแต่ผู้ชายดีๆคืออะไร? ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ตั้งอกตั้งใจทำงาน(หรือเรียน) ว่างๆก็พาไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปช้อปปิ้ง เวลามีเรื่องทะเลาะกันก็เป็นฝ่ายยอม เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ไม่เคยใช้อารมณ์เลยสักนิด ฯลฯ

คงไม่เกินไป บนโลกนี้มีผู้ชายแบบนี้แน่ๆ แต่มันก่อให้เกิดความรักไม่ได้หรอก มันต้องมากกว่านี้ ผู้ชายประเภทนี้มักจะแสดงความรักมากกว่านี้ไม่เป็น ถ้าถูกเรียกร้องหละก็ จะต้องคิดแน่ๆว่าให้ขนาดนี้แล้วยังจะเอาอะไรอีก หึๆๆ ผู้ชายน่าเบื่อ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ว่าแต่ผู้หญิงรักผู้ชายที่ตรงไหน? เคยได้ยินเพลง "ความรักอยู่เหนือคำว่าทำไม นี่เป็นความจริงง่ายๆที่ผู้ชายไม่เคยรู้เลย" นั่นสิ เข้าใจยากจัง ก็ถ้าอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรัก แล้วจะรู้ได้ไงว่ามันเป็นความรัก ถ้านิยามไม่ได้ แล้วมันจะมีอยู่จริงได้ไง

ที่อ้างว่ารักด้วยหัวใจ เพราะไม่กล้ายอมรับความจริงมากกว่า หัวใจมันใช้ยากกว่าสมอง ถ้าหลอกใจตัวเองอยู่ร่ำไป ไม่ซื่อตรงต่อหัวใจตัวเอง ก็แปลว่านอกจากจะใช้สมองไม่เป็นแล้ว ยังใช้หัวใจไม่เป็นด้วย

BozzaNova said...

สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก

ลองอ่านเรื่องราวที่ผมเขียนอีกครั้ง ผมคิดว่าน่าจะพอโยงไปได้บ้างว่า ผู้ชายดีๆ ในความคิดผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำทั้งหลายทั้งปวงที่คุณ saru jiro กล่าวมาครับ
แต่ถ้าโยงไปไม่ได้ ก็เป็นความผิดของผมเอง ที่เขียนไว้ไม่ชัดเจนพอ
(อันนี้ขอขอบคุณสำหรับ feedback ครับ ผมจะได้รับรู้รับทราบถึงสิ่งที่ต้องปรับปรุง)

ส่วนเรื่องความรัก ผมไม่ประสีประสาหรอกครับ
แต่ผมมีความเห็นส่วนตัวตามนี้ครับ

๑. เรื่องความรักจากสมองกับหัวใจ
ผมเชื่อว่า มันมีอยู่ทั้งสองอย่างครับ ทั้งเหตุผลและความรู้สึก
อยู่ที่ว่าสำหรับแต่ละใคร สิ่งไหนมันจะมาก่อน และ จะให้สิ่งไหนนำ

แต่จะว่าไป ไม่ว่าจะเป็น เหตุผลจากสมอง หรือ ความรู้สึกจากหัวใจ มันก็เหมือนจะเกาะเกี่ยวกันอยู่อย่างแยกไม่ออก
ผมเชื่อว่า ถึงจุดหนึ่งของความรัก ทุกคนสามารถหาคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า "ทำไมถึงรัก" ได้แน่นอนครับ
เพียงแต่เราจะกำหนดเรียกคำตอบเหล่านั้นว่าเป็นความรู้สึกจากหัวใจ ฤเป็นความคิดจากสมอง เท่านั้น
ซึ่งสำหรับผม มันก็แค่คำสมมติที่เรากำหนดมาใช้เรียกสิ่งต่างๆ
...ใช่ไหมครับ...
ตัวตนของแต่ละคนที่ต่างกัน ทำให้บางคนมีวิธีคิดแบบตรรกะ(logic) ในขณะที่บางคนมีวิธีคิดแบบตามความรู้สึก(emotional)
ซึ่งตัวผมเอง คิดว่า คนทั้งสองแบบ มีสิทธิที่จะมีความรักเท่าๆ กันครับ

๒. ที่คุณ saru jiro บอกว่า

"คงไม่เกินไป บนโลกนี้มีผู้ชายแบบนี้แน่ๆ แต่มันก่อให้เกิดความรักไม่ได้หรอก มันต้องมากกว่านี้ ผู้ชายประเภทนี้มักจะแสดงความรักมากกว่านี้ไม่เป็น ถ้าถูกเรียกร้องหละก็ จะต้องคิดแน่ๆว่าให้ขนาดนี้แล้วยังจะเอาอะไรอีก หึๆๆ ผู้ชายน่าเบื่อ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย"

ผมเห็นด้วยไม่ทั้งหมดครับ
ผมเห็นด้วยว่า คนเรา ไม่ว่าทั้งหญิงฤชาย คงจะมีศักยภาพที่ทำอะไรๆ ได้มากเท่าๆ กันไม่ได้หรอก
รวมทั้งการแสดงความรัก
ดังนั้น ผมเชื่อว่า แม้ผู้ชายคนหนึ่ง จะไม่สามารถแสดงความรักมากเท่าที่ผู้ชายอีกคนหนึ่งทำได้
แต่มันไม่น่าจะหมายความว่าเขาไม่สมควรจะมีความรัก
และผมเชื่อว่า ในโลกแคบๆ ใบนี้ มันจะมีผู้หญิงที่"พอ"กับการแสดงออกเพียงเล็กน้อยที่ผู้ชายคนนั้นสามารถจะทำได้อยู่ครับ

สรุปให้ง่ายเข้าก็คือ หลักการง่ายๆ ของ อุปสงค์(demand) กับ อุปทาน(supply) นั่นแหละครับ
ถ้าคนสองคน สามารถปรับ สามารถ balance มันได้ ก็คงอยู่ด้วยกันได้
แต่ถ้า balance ให้อยู่อย่างมีความสุขไม่ได้ ก็คงต้องจบความสัมพันธ์แบบคู่รัก
เท่านั้นเองครับ ...ฟังดูเหมือนง่ายจัง หะหะ

ย้ำว่าแค่ความเห็นส่วนตัวครับ
และย้ำว่า ผมไม่ประสีประสาเรื่องความรักเลยจริงๆ ครับ

Jeff said...

หวัดดีรอบสองครับ พี่ Bozzanova อย่าขึ้นต้นว่าคุณเลยครับ ผมอายุพอๆกับเจ้าคิวว์แหละ เรียกผมว่าบุ๊คก็ได้ นะๆ

ผมอ่านอีกรอบแล้วครับ คราวนี้เข้าใจสิ่งที่พี่ต้องการจะสื่อแล้วหละ

๑. เรื่องความรักจากสมองกับหัวใจ
ผมคิดว่าความรักมันก็ต้องเกิดจากหัวใจนั่นแหละ คุยกะใครหลายคนเขาก็พูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าบางครั้งความรักไม่ต้องการเหตุผล แต่ที่ผมพูดไปว่าต้องซื่อตรงกับหัวใจด้วยก็หมายถึงว่าจะต้องใช้สติด้วย ไม่งั้นถือว่าใช้หัวใจไม่เป็น ซึ่ง...พี่ก็เขียนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว(แป่ว)
ส่วนคนที่ใช้เหตุผลในการมีความรัก ผมว่ามันเป็นความรักคนละรูปแบบกับรักด้วยอารมณ์เลย รักด้วยอารมณ์อาจมีวันจืดจางหายไป แต่รักด้วยเหตุผลจะอยู่ไปนานเท่านาน(มั้ง) มันเหมือนเป็นความผูกพันเหมือนรักพ่อรักแม่มากกว่าความรักแบบแฟนนะ ผมคิดว่างั้น

๒.
เห็นด้วยทุกประการเลยครับ

ผมก็ไม่ประสาเรื่องความรักเหมือนกันแหละครับ พี่ Bozzanova อย่าย้ำบ่อย เจ็บปวด

คิวว์ said...

เฮ้ยๆๆๆ อะไรกันนี่ ไม่ได้เล่นเน็ตไปพักเดียว นี่เล่นมาชิงตัดหน้าคอมเม้นท์บล็อกพี่โบ้ทเลยรึ?

----
ไม่มีคอมเม้นท์อื่นใด เขียนเรื่องนี้ภาคต่อสิพี่โบ้ท อยากอ่านๆ

BozzaNova said...

อ้าว คิวว์

เรื่องนี้มันยังไม่จบหรอกเหรอ?
ต้องมีภาคต่อเหรอ?

....

คิวว์ said...

ปล. ขอไอเอ็มพี่โบ๊ทหน่อยสิพี่

คิวว์ said...

เพิ่งเห็นเม้นท์

ตอบ : ไม่มีอะไรที่จบแล้วหรอก ยกเว้นชีวิตคนตาย

kiseki said...

ผู้หญิงค่ะ
แค่อยากมาบอกว่า ไม่ชอบเวลาคนพูด ผู้ชายอย่างงู้น ผู้หญิงอย่างงี้เลย
คนเหมือนกัน หัวใจแบบเดียวกันนั่นแหละ
ความเห็นส่วนตัวนะคะ :)

เราว่าคนเราก็อยากได้ใครสักคนที่ดีพอมาคอยดูแล แต่ถึงเวลาจริงๆการที่เค้าจะดีหรือเลว มันไม่เกี่ยวกะเรื่องที่เราจะรักหรือไม่รักเค้าสักนิด
ถึงคนที่เข้ามาจะดีแค่ไหน ถ้าไม่รักมันก็คือไม่รัก แต่ไอ้คนที่รัก ถึงมันจะเลวแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะเลิกรักได้ง่ายๆ
สมองกับหัวใจทำงานคนละส่วนกัน
ความเห็นส่วนตัวอีกแล้ว แหะๆ หลงประเด็นป่าวไม่รู้ อ่านที่คุณเขียนแล้วรู้สึกอยากบอก ก็เลยเข้ามาบอกเฉยๆ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

T 0 5 E said...

"ตอนเอากันก็มีความสุขด้วยกัน พอเลิกกันเสือกบอกฟันแล้วทิ้ง ห่า..."


เอ่อ กูพูดป่ะวะ ทำไมคุ้นๆไงไม่รุ้
แต่คงคนอื่นมั้งที่มึงพูดถึงใช่มะ เพราะดูเป็นคนดี(คงไม่ใช่กูนัก55)

ถ้าเป็นกู ก็ประโยคขำๆน่ะ ไม่ซีเรียสนะ
พ่อกูพูดให้ฟังตอนวัยรุ่น55 กูเลยจำมาพูดต่อ


เออ พระนั้นชิ่อมิตซุโอะ(ไม่ใช่โกะนะ) กูเคยไปวัดนี้เพื่อนรักกูเป็นพระเลขาท่านอยู่
ไอ้ตู้ก็มาอยู่วัดนี้

ส่วนเจ้าของเอสี่เก้า ลุงเต้ยแกเป็นคนออกแบบวัด วัดสวยและสบายทีเดียว



แต่เรือ่งสุนทรียศาสตร์ กูส่งให้มึงอ่าน กำลังคิดอยู่เลยว่าจะไปเอามาขึ้นบล๊อกตนเอง เห็นมึงเอาขึ้นแล้น หมดรมเลย โฮ่ว วัยรุ่นเซ็ง

BozzaNova said...

ประโยคจากปากคุณมึงเลยครับ ไอ้คุณทศครับ

มันก็ขำๆ (แต่กูจำได้ว่า มึงปนอารมณ์เซ็งๆ ไว้ด้วยเหมือนกัน) แต่มันก็น่าคิดอยู่บ้าง
เพิ่งรู้ที่มาว่ามาจากพ่อมึงนั้นเอง
ว่างๆ พากูไปสวัสดีหน่อยสิ ได้ยินมาหลายประโยคแล้วจากพ่อมึงเนี่ย

Anonymous said...

พ่อกูอยู่ไทย
มึงอยู่อังกฤษ
กูอยู่โตเกียว


เจอกันอย่างไรไม่ทราบ

ทศ

Anonymous said...

ว่าแต่กูพูดเมื่อไหร่วะ

7ปีก่อนได้มะ

หรือ กี่ปีวะ


มันต้องนานแล้วแน่ๆ

ทศ

Anonymous said...

คำเดียวค่ะพี่โบ้ท
"ความรักทำให้คนตาบอด"
ดีหน่อยก็ได้คบ แย่หน่อยก็อกหัก

Anonymous said...

หวัดดีค่ะ พี่โบ๊ต
ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง
พอดีได้อ่านที่พี่โบ๊ตเขียนแล้ว..มันก้อทำให้คิดไรได้หลายอย่าง
และจะอ่านต่อไป
สุดท้าย..ยังไงผู้หญิงก้อยังชอบผู้ชายดีๆ เพียงแต่อยู่ในร่างของผู้ชายไม่ดี. ก้อเท่านั้นเอง

ลัล..ลา

คิวว์ said...

พ่อกูอยู่ไทย
มึงอยู่อังกฤษ
กูอยู่โตเกียว


เจอกันอย่างไรไม่ทราบ

-----------------

แวะมาขำ อ่านแล้วได้อารมณ์มากพี่ 555

BozzaNova said...

เอ่อ
น้องที่มาบอกว่า ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง นี่ใครเหรอครับ
ทิ้งหลักฐานไว้ให้สาวถึงหน่อยก็ดีนะครับ

:)

Anonymous said...

ก้อไม่รู้ว่าจะจำกันได้ป่าว
เคยเจอพี่โบ๊ต ตอนไปค่ายบ้านแม่ผักแหละอ่ะ

แอมคร้าบ

Unknown said...

อ่านแล้วชอบหวะ เขียนดีนะ :D

Anonymous said...

Both,

I like your article; however, I don't think women like only bad guys. It's more about personalities and lifestyles match. Not sure about others, but from my personal experiences, we tend to work out about the relationship, which could be viewed as "forgiveness" that you mentioned.

You never know who is the best for you so if you quit your relationship everytime you find about his behaviors that you don't like or things that you can't get along, you may end up looking for the best person forever. You will keep thinking whether I can find a better one, a better one and a better one. I think it's more like acknowledging each other weaknesses and problems and justify whether those are acceptable. Nobody perfect.

Anyway, I don't have much experience to say. Just my thought though :)

m.e.a.w said...

ไม่มีประโยชน์ที่จะตั้งคำถาม
หรือมีความเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
กับการที่ผู้หญิงชอบผู้ชายเลว
หรือไปโทษว่า เพราะใครที่ทำให้โลกใบนี้มันเบี้ยว
เพราะเราไม่สมารถเปลี่ยนให้ผู้ชายเหล่านั้น
เป็นคนดีขึ้นได้ ถามหน่อยเหอะว่า
เปลี่ยนแปลงตัวเองยากมั้ยคะ?
............ (เว้นให้ตอบ)
แล้วคิดว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงคนอื่นมันง่ายกว่าเหรอ?

เราไม่สามารถบังคับจิตใจให้ผู้หญิงเหล่านั้น
เลิกรักผู้ชายเลวๆกลุ่มนึงได้
เพราะขนาดเราเองยังรักใครบางคนอย่าง
ไม่มีสาเหตุ เลิกรักไม่ได้
ไม่เข้าใจตัวเองอยู่กันเป็นปกติ

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไม มันถึงเป็นอย่างนั้นหว่า???
จริงๆแล้วทุกคนดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ผลของการกระทำในอดีต
แถวบ้านเหมียวเรียกว่า “กรรม”
กรรมส่งผลที่ความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ รักหรือเกลียด etc.
นั่นไงหละ... เพราะงี้ความรักในบางครั้งก็ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือสังคม
มาอธิบายได้ ถ้าเหมียวบอกให้คุณเลิกรักใครซักคนนึงที่คุณรักมาตลอดชีวิตเดี๋ยวนี้
คุณทำได้มั้ย? ทำไมแค่ใจเราเอง เราถึงบังคับมันไม่ได้หละ? ความรู้สึกเป็นผลของ
อะไรบางอย่างที่ส่งมาให้เราต้องเจอคนๆนี้ สถานการณ์แบบนี้ และได้รับความรู้สึกแบบนี้
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ดี หรือ ไม่ดี

ผู้หญิงที่ต้องมาเจอผู้ชายเลวๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฝ้าแต่ช้ำ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่นั่น
ควรต้องถามตัวเองว่าทำไมเธอต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วย?
ในมุมกลับกัน มีผู้หญิงอีกเป็นจำนวนมากที่เจอผู้ชายที่ดี มีความสุขกับความรัก
สมหวังในทุกสิ่ง ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่เคยต้องทำให้เสียใจหรือถูกทำร้าย
ทำไมเธอถึงไม่ต้องเผชิญกับผู้ชายชั่วๆหละ? อย่ามองโลกเพียงด้านเดียวซิคะ
เมื่อถามแล้ว คำตอบย้อนกลับมาที่คนถามนั่นแหละ คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง

ที่คุณต้องเจอคนประเภทนั้น และต้องรู้สึกแบบนั้นก็เพราะ คุณเคยทำให้คนอื่นรู้สึกแบบนั้นมาแล้วในอดีต บอกแล้วว่า สิ่งที่คุณทำในอดีตส่งผลต่อความรู้สึก ถ้าคุณไม่มีกรรมเลวๆประเภทนั้น คุณก็จะไม่เจอความเลวประเภทเดียวกันด้วย น่าเสียดายที่บางคนจำไม่ได้แล้วว่าเคยทำอะไรใครไว้ อาจจะนานมากกกกกกก หรือชาติที่แล้วก็ยิ่งจำไม่ได้อีก

ทางที่ดีที่สุดหันกลับมามองตัวเอง แล้วถามตัวเองดีกว่า ว่าเราเคยทำอะไรให้ใครรู้สึกอย่างนี้มั้ย?
บางคนอาจจะระลึกชาติไม่ได้ เลยบอกว่า “ไม่เคย” แล้วก็บอกว่า ไม่แฟร์.....
ไม่มีหรอกค่ะ คำว่าไม่แฟร์
we all deserve what we got today, whether good or bad
อยากได้อะไรดีๆ ในอนาคต ก็สร้างเองตั้งแต่วันนี้
อยากอยู่กับคนแบบไหน ก็ลองถามตัวเองก่อนว่า
เราเป็นคนแบบนั้นแล้วหรือยัง
กรรมปัจจุบันมีศักยภาพที่สุดค่ะ ลองดูนะคะ
เหมียวอยากให้ลองเข้าไปอ่านที่นี่ค่ะ
เราจะได้เข้าใจเรื่องความรักและความรู้สึกกันมากกว่านี้นะ
Good luck!!!!

http://www.dungtrin.com/watha_love/index2.html