Thursday, September 28, 2006

สิ่งที่ชอบในอังกฤษ (1)

...เนื้อวัวถูกกว่าไก่และดูเหมือนจะราคาพอๆ กับหมู (ผมชอบกินเนื้อ)
...ดื่มน้ำเปล่าจากก๊อกได้เลย ไม่ต้องซื้อ

Wednesday, September 27, 2006

'Grand Line' - ทะเลชีวิต

บ่ายโมงครึ่ง...
ผมนั่งอยู่บนเตียง ข้างหน้าต่างในห้องนอน
ข้างนอกฟ้าขมุกขมัว ไร้แสงแดด ภายในห้องดูทึมๆ บรรยากาศชวนให้เหงา

นั่งใจลอย คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย

นี่ก็สัปดาห์หนึ่งแล้ว นับจากที่ย้ายชีวิตมาอยู่ที่ Falmouth
สัปดาห์แรก กับอะไรอะไรที่ไม่ลงตัว ก็พาลให้เหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้ อะไรอะไรเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้าง หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ

นั่งใจลอย คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย

โดยปกติ ผมไม่ใช่คนที่ชอบขีดเส้นทางเดินให้ชีวิตตัวเองนัก
กับอนาคตที่ยังดูไกลห่าง ผมอยากปล่อยให้ชีวิตได้เดินไปตามทางที่มันน่าเดินไป ณ เวลานั้น
อย่างดี ผมก็แค่กำหนดคร่าวๆ ว่าจะไปทางทิศไหน แต่ไม่ชอบและไม่อยากกำหนดว่าต้องเป็นองศาไหน ลิปดาเท่าไร
บางคนอาจบอกว่ามันไม่ดี ชีวิตจะเละเทะ
แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อบางสิ่งบางอย่างในร่างกายผม มันบอกว่าชีวิตผมถูกโรคกับการเดินทางแบบนี้มากกว่า

...
...
...

ผมชอบอ่านการ์ตูนมาก เรียกว่าติดเลยก็ได้
เรื่องหนึ่งที่ชอบมากคือ 'One Piece' เป็นเรื่องราวของตัวเอกที่อยากเป็นโจรสลัดที่ดีเหมือนกับผู้มีพระคุณของเขา
จึงออกเรือเดินทาง รวบรวมสมัครพรรคพวก โดยมีจุดหมายอยู่ที่สุดยอดมหาสมบัติ 'One Piece'
เมื่อตัวเอกและพวกพ้องเดินเรือเข้าไปในเขตทะเล 'Grand Line' อันเป็นที่อยู่ของ 'One Piece' เข็มทิศปกติ จะไม่สามารถใช้การได้
การเดินเรือต้องอาศัยเข็มทิศชนิดพิเศษ เฉพาะสำหรับการเดินเรือใน 'Grand Line' ที่เรียกกันว่า 'ล็อคโพส'
เมื่อเข้าสู่ 'Grand Line' เข็มทิศ 'ล็อคโพส' จะล็อคเป้าหมาย ชี้ไปที่เกาะเกาะหนื่งอยู่อย่างนั้น
จนเมื่อเดินทางไปถึง ทิ้งระยะเวลาหนึ่ง(แล้วแต่เกาะว่าจะกินเวลาเท่าไร) เจ้า 'ล็อคโพส' ก็จะล็อคเป้าหมาย(เกาะ)ต่อไป
เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดการเดินทาง จนไปสู่จุดหมายคือ 'One Piece'

...
...
...

'Grand Line' คงเหมือนทะเลชีวิตของผม
ผมไม่อยากขีดเส้นทางเดินให้ชีวิตตัวเองไว้ล่วงหน้า
เพียงแค่กำหนดเป้าหมายคร่าวๆ เป็นลำดับๆ ไป นั่นก็เพียงพอ
...เข้ามหาวิทยาลัย ผมกำหนดเป้าหมายคร่าวๆ คือเรียนให้จบ แล้วหางานทำเอาประสบการณ์
แต่ผม่ไม่เคยขีดเส้นให้ตัวเองอย่างชัดเจนว่า ต้องทำอะไร ทำนานแค่ไหน แล้วจะทำอะไรต่อไปจากนั้นอีก

ผมเชื่อของผมเองว่า เมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้น ณ เวลานั้น กายและใจของเราคงจะทำหน้าที่เหมือนเจ้า 'ล็อคโพส' และสะกิดเตือนว่า การเดินทางครั้งต่อไปควรจะเริ่มต้นขึ้นได้แล้ว โดยมีจุดหมายอยู่ที่ใด

ระหว่างทาง เรือของผมอาจถูกลมพัด อาจถูกคลื่นซัดออกนอกลู่ทางไปบ้าง
แต่ทุกครั้งที่ ต้องเผชิญกับคลื่นลมเหล่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างสอนเราว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไร
และท่ี่สำคัญ เมื่อผ่านพ้นมาได้ เรานั่นเองที่จะเรียนรู้ว่า คนเรามีความแข็งแกร่งเพียงใด มีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ เอาตัวรอดได้ดีเพียงใด

ผมว่าการเรียนรู้เหล่านี้ สำคัญกว่าการที่เราจะไปถึงจุดมุ่งหมายฤไม่ เสียอีก
รู้จักที่จะแก้ปัญหา รู้จักที่จะใช้ชีวิต
และที่ผมเชื่อของผมเองว่าสำคัญมากที่สุด

...ระหว่างทาง เรารู้จักตัวเองมากขึ้น มากขึ้น...

Tuesday, September 26, 2006

ขอบคุณที่ฉันไม่ได้รัก

I owe so much to those I don’t love.

The relief as I agree that someone else

needs them more.

The happiness that I’m not the wolf to their sheep.

The peace I feel with them, the freedom

love can neither give nor take that.

I don’t wait for them, as in window-to-

door-and-back.

Almost as patient as a sundial,

I understand what love can’t

and forgive as love never would.

-Thank- you Note


Wislawa Szymborska



ขอบคุณที่ฉันไม่ได้รัก

ฉันติดหนี้บุญคุณเหลือคณานัก

ต่อผู้คนที่ฉันมิอาจรักพวกเขาได้

คลายกังวลไปมากมาย

เมื่อมีใครรักพวกเขาเหล่านั้นได้มากกว่าฉัน

สุขใจ-ที่พวกเขามิต้องกลายเป็นลูกแกะ

และฉันไม่ต้องกลายเป็นหมาป่าเช่นกัน



วิสลาวา ซิมโบร์สกา เป็นกวีหญิงชาวโปแลนด์ เจ้าของรางวัลโนเบล

สาขาวรรณกรรมในปี 1996 เธอเคยพูดว่า “ฉันชอบองย้อนกลับไปดูความน่ากลัว

ในอดีต เพื่อจะก้าวต่อไปในอนาคต”

การเดินทางของชีวิต เราต้องผ่านพบกับผู้คนมากมาย รักบ้าง เกลียดบ้าง

เฉยเมยต่อกันบ้าง คละเคล้ากันไป

ผู้คนมากมาย เรื่องราว มากมาย

การย้อนกลับไปคิดถึงคนที่เราเคยรัก บางครั้งอาจกลายเป็นความเจ็บปวด

ชนิดหนึ่ง

แต่ใครจะทันได้คิดถึงคนที่เราไม่เคยรัก

เหมือนในกวีบทนี้

โลกเราอาจมีลูกแกะใจกล้ามากมาย ที่ยอมเสี่ยงตายเดินเข้าไปสารภาพรัก

ต่อหน้าหมาป่า ผู้ซึ่งไม่มีวันรักลูกแกะได้ ทั้งยังเป็นหมาป่าใจร้าย ชอบขย้ำฉีกทึ้งเนื้อ

แกะกินเป็นอาหารด้วย



เมื่อไม่รัก

อาจยากนักที่จะถนอมน้ำใจกันไว้ได้

แต่เนื่องเพราะมิอาจรัก

เราจึงมักคิดถึงพวกเขาด้วยใจสงบได้

เพราะรักไม่ได้

อิสรภาพในความสัมพันธ์ที่เราได้พบจึงยิ่งใหญ่

เราได้พบว่า

เมื่อความรักไม่จำเป็นต้องหมายถึงการรับหรือการให้

เราก็ไม่จำเป็นต้องชะเง้อประตูหน้าต่างรอคอยใคร

ไม่จำเป็นต้องอดทนอดกลั้นเหนื่อยใจเพื่อใครอีกด้วย

ขอบคุณที่ไม่ได้รัก

เพราะหาก “รัก” เข้าแล้วเมื่อไหร่

เราคงมิอาจเป็นเช่นนั้นได้

เพราะไม่ได้รัก..เราจึงรู้จักการให้อภัยอีกแบบหนึ่ง

ในแบบซึ่ง “ความรัก” มิเคยให้ได้

เราอาจเป็นหนี้ผู้คนมากมายที่เราไม่ได้รักเขา

แต่หากถาม “ความรัก”บ้างเล่า

ว่าเป็นเจ้าหนี้ใครอะไรหรือไม่

ความรักอาจตอบเราว่า

มันไม่เคยสร้างบุญคุณแก่ใคร

ไม่เคยมีใครติดหนี้ซักอย่าง

เพราะความรักนั้น..โดยตัวมันแล้ว

คงไม่ขึ้นตรงต่อใคร

สำคัญที่ดวงใจของเราต่างหากที่จะตระหนัก

ฉันติดหนี้บุญคุณเหลือคณานัก

ต่อผู้คนที่ฉันมิอาจรักพวกเขาได้

แต่คลายกังวลไปมากมาย

เมื่อมีใครรักเขาเหล่านั้นได้มากกว่าฉัน



จากหนังสือ พระจันทร์พันดวง

ของ ปราย พันแสง

Thursday, September 07, 2006

เพราะไม่ใช่แค่อากาศ ที่เปลี่ยนแปลงบ่อย

เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ...วลีนี้คงกำลังเป็นที่คุ้นหูคุ้นตากับผู้คนทั่วไป
กับหนังจากฝีมือการกำกับของพี่ต้น (แห่ง "แฟนฉัน") ที่กำลังถูกพูดถึงค่อนข้างมาก และทำรายได้วิ่งฉิว

...
...
...

อย่างที่รู้กัน อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ อาจทำให้คนเราเกิดอาการเจ็บป่วย มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน
และเพราะอย่างนั้น ทุกคนจึงถูกแนะนำให้รักษา เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อวันที่ต้องพบกับความปรวนแปรของอากาศ ร่างกายเราจะได้พร้อมรับมือกับมัน

อย่างที่รู้กัน ความเปลี่ยนแปลงคือสัจจะที่ได้รับการพิสูจน์โดยการเวลา
นอกจากสภาพอากาศแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง ดั่งที่ศาสดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกนี้ได้กล่าวไว้เมื่อนับพันปีมาแล้ว
ที่ใกล้ตัวและเกิดผลกระทบมากที่สุดก็หนีไม่พ้นชีวิตของเราเอง ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ...ขึ้น ลง ดี ร้าย ล้วนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทักทายเราอยู่เสมอ อยู่นานบ้าง สั้นบ้าง เป็นครั้งคราวไป
และเพราะอย่างนั้น ทุกคนจึงถูกแนะนำให้รักษา เสริมสร้างจิตใจ ให้เข้มแข็ง แกร่งกล้า เพื่อพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ของชีวิต ที่ปรวนแปรไม่แพ้อากาศ

...เพราะไม่ใช่แค่อากาศ ที่เปลี่ยนแปลงบ่อย...

Monday, September 04, 2006

ถึงผู้ที่ติดตามอ่าน ผู้ที่หลงเข้ามา ... เอ่อ ...? ก็ทุกผู้ทุกนามนั่นแหละ

ผมเองก็ติดตามอ่านทุกๆ ความเห็นนะครับ
แต่ไม่อยากไปตอบอะไรๆ ในพื้นที่ comments
ปล่อยให้มันเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆ ท่านที่แวะเวียนเข้ามาดีกว่า
หากใครอยากพูดคุยโต้ตอบกัน รบกวนมาคุยกันที่ messenger, e-mail, phone, etc. ตามแต่สะดวกนะครับ

ขอบคุณทุกท่านที่มาอุดหนุน...ผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้บริการทุกท่านตลอดไป (ใช้คำได้เชยจริงๆ ...เอิ๊กๆๆ)