สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๐ ทุกๆ คน ที่ผ่านเข้ามาโดยตั้งใจฤไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
คงไม่สายเกินไปที่จะกล่าวคำอวยพรนะครับ...
ขอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก
โปรดจงดลบันดาลให้คุณ มีสุขภาพกายและใจแข็งแรง พร้อมที่จะดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางที่เลือกเดิน
และโปรดจงดลใจให้คุณ คิดแต่สิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี เพื่อความสุขของคุณและคนรอบข้างที่คุณรักและรักคุณ
...
...
...
คืนวันปีใหม่ที่ผ่านมา ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมเอง
กับการนับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่ นอกแผ่นดินเกิดเป็นครั้งแรก
ผมเดินทางเข้าสู่ลอนดอนก่อนหน้าคืนปีใหม่สองวัน
เพื่อเจอเพื่อนรักคนหนึ่งที่เดินทางมาจากเมืองไทย และเพื่อฉลองปีใหม่ที่ลอนดอนไปในตัว
คืนปีใหม่ ผม เพื่อน แฟนเพื่อน และเพื่อนของแฟนเพื่อน และเพื่อนของเพื่อนของแฟนเพื่อนอีกมากหน้าหลายตา ออกไปยืนดูการฉลองปีใหม่ท่ามกลางผู้คนและอากาศอันหนาวเหน็บที่กลางสะพานเวสมินสเตอร์ (Wesminster Bridge)
พวกเราออกจากที่พักของใครสักคนซึ่งอยู่บนตึกตรงลอนดอนอาย (London Eye) ตั้งแต่สามทุ่มกว่า เนื่องจากรู้ดีว่า หากออกช้า เส้นทางอาจถูกปิดกั้นโดยตำรวจหรือความแน่นขนัดของผู้คน จนไม่สามารถไปให้ถึงยังจุดหมายได้
หลังจากเดินมาจนถึงจุดที่คาดว่าสามารถชมการเฉลิมฉลองได้ดีและทั่วถึง พวกเราต้องยืนรอกันอีกกว่าสองชั่วโมง
ลอนดอนอายตอนกลางคืนมีการประดับด้วยไฟซึ่งเปลี่ยนสีสันไปเรื่อยๆ
ตึกข้างๆ ลอนดอนอาย ถูกใช้เป็นฉากสำหรับการฉายภาพต่าง สลับกันไปในระหว่างรอเวลา และรวมไปถึง ตัวเลขบอกเวลานับถอยหลังในการก้าวเข้าสู่ปีใหม่
ยิ่งดึก ผู้คนยิ่งแน่นมากมาขึ้น และคึกคักกันมากขึ้น
พอได้เวลา ทุกคนพร้อมใจกันนับถอยหลังตามตัวเลขที่ถูกฉายลงบนตึก
(ตอนนับ 5 4 3 2 1 ผมตะโกนนับเลขเป็นภาษาไทย ใครได้ยินคงงงว่า ไอ้กะเหรี่ยงนี่มันตะโกนอะไรของมันวะ ....เหตุผลก็คือ ผมตื่นเต้นจนนับเป็นภาษาอังกฤษไม่ถูก)
ช่วงเวลานับสิบนาทีแห่งการเฉลิมฉลอง นับเป็นภาพประสบการณ์ที่น่าจดจำ
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพลุที่ถูกจุดขึ้น โดยมีลอนดอนอายเป็นฉาก (รวมถึงพลุบางชุดก็ถูกจุดออกมาจากตัวลอนดอนอายเอง) สวยงาม ยิ่งใหญ่ อลังการ จริงๆ
...แต่ ณ เสี้ยวหนึ่งของช่วงเวลานั้น ใจผมลอยกลับไปยังแผ่นดินเกิด
ค่ำคืนนั้นน่าจดจำ ผมไม่ปฏิเสธ และหากให้เลือกได้ ผมก็อยากได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์และบรรยากาศนั้นสักครั้งหนึ่งในชีวิต
แต่... แค่ครั้งเดียวก็คงเกินพอ
ณ ขณะหนึ่ง ผมน้ำตารื้นด้วยความคิดถึงทุกคนที่ผมรัก ครอบครัว พ่อ แม่ พี่สาว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงอันเป็นที่รัก
แน่นอน แสงสว่างและความร้อนจากพลุที่ถูกจุด(ซึ่งสัมผัสไม่ได้หรอก เพราะอยู่ไกลเกินไป) จะไปสู้ความอบอุ่นจากบุคคลอันเป็นที่รักได้อย่างไร
...
...
...
ณ อีกเสี้ยวเวลาหนึ่ง ผมนึกถึงบางเรื่องราวของชีวิต
ผมคิดอยากให้พลุเป็นเหมือนกับเสียงปืนให้สัญญาณเริ่มต้นการแข่งขัน
เพียงแต่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นสัญญาณให้ผมเริ่มต้นก้าวเดิน ออกเดินทางไปตามวิถีที่มันควรจะเป็นไป
มันไม่ง่าย แต่ผมหวังว่าผมจะทำได้ดี
เช่นกัน... หลังจากความเจ็บช้ำกับชีวิตบางด้าน ผมขอให้มันเป็นสัญญาณเริ่มต้นของสิ่งดีๆ ในชีวิตของเธอ ขอให้เธอมีความสุข (เธอคงไม่ได้เข้ามาอ่าน)
และทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านงานเขียนของผมด้วยนะครับ ขอให้มันเป็นสัญญาณเริ่มต้นของสิ่งดีๆ ใครอยากทำอะไร แต่ยังไม่ได้ทำ ก็ถือโอกาสนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีก็แล้วกันนะครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
7 comments:
Ná alya i vinya loa! ครับพี่
ภาษาอะไรอะคิวว์
เอล์ฟ
อ่านแล้วซึ่งจริงๆ ชั้นว่าแกเปลี่ยนไปเรียนอักษรศาสตร์มั๊ย..แบบเขียนหนังสือขายไรเงี๊ย ท่าจะรุ่ง (มีหลายๆ คนบอกมา)
...
...
สู้ๆ นะน้องรักพี่เอาใจช่วย :D
คนอยากเป็นักเขียนมีเยอะ
แต่คนที่ตั้งใจและพยายามที่จะเป็นนักเขียนจริงๆมีน้อย
ความอยากไม่ช่วยอะไร ถ้าเราไม่เริ่มก้าว
ปล. ผมก็เคยอยากเป็นนักเขียนนะพี่ สมัยม.ต้นน่ะ มาปัจจุบัน หลังได้ลองเป็นักเขียนบทละครโทรทัศน์ (อย่างที่ฝัน)กลับไม่อยากเป็นแล้วแฮะ ชีวิตนี้ไม่อยากเป็นคนเขียนหนังสืออีกเลย แต่ก็อย่างว่า ผมยังชอบสนับสนุนคนที่เป็นนักเขียนนะ สู้ต่อไปนะพี่
อ้อ ลืมบอก .. จะเป็นการอวยไปมั้ยถ้าผมจะบอกว่า ผมชอบงานเขียนของพี่นะ ^^
อืม
หิว
Post a Comment