Saturday, October 20, 2007

บันทึกช่วยจำ[ส่วนตัว]

เสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๐

๑.
ตื่นค่อนข้างเช้า... แปดโมงครึ่ง ...เอ่อ ก็อาจดูไม่เช้ามาก แต่หากเทียบกับเวลาเข้านอน ประมาณตีสองครึ่งตีสาม ก็นับว่าเช้าอยู่
ที่ต้องตื่นเช้า เพราะมีนัดกับอาร์ตไดเรกเตอร์ของผม - พอล - ว่าจะไปบ้านพ่อแม่มัน ผมเองอยากไปเอากระเป๋าที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนที่ไปอาศัยอยู่ที่นั่น
แต่พอใกล้ถึงเวลา โทรหาไอ้พอล มันไม่รับโทรศัพท์ ...นึกในใจ เอาอีกแล้ว ไอ้พอล มึงเบี้ยวกูอีกแล้ว
(มารู้ทีหลัง ตอนมันโทรกลับมาตอนสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า แล้วบอกว่า กำลังเดินกลับบ้าน ...อืม แล้วเมื่อคืนพอเลิกงาน มึงไปนอนที่ไหนมาวะเนี่ย
แล้วพ่อแม่มันก็ไม่อยู่บ้านสุดสัปดาห์นี้ ไปหายายไอ้พอลที่ portsmouth จะไปเองก็ไม่ได้
สรุปว่าเมื่อไรกูจะได้ไปเอากระเป๋าล่ะครับ ไอ้คุณพอล)

๒.
ระหว่างที่นั่งรอโทรศัพท์จากพอล ผมเปิดทีวีที่เพิ่งได้มาเมื่อวาน(มือสอง)ดูไปพลาง แล้วก็ต่ออินเตอร์เนทใช้ไปพลาง
ในระหว่างดูโน่นดูนี่ มีช่วงจังหวะที่กลับมาเปิดดูที่หน้า contact list ของ messenger
ระหว่างที่ไล่ดูลงมาตามรายชื่อ พลันสายตาก็ไปสะดุดกับชื่อชื่อหนึ่ง...

ผมไม่เคยเห็นเธอออนไลน์มานานนับปี
ถัดจากความรู้สึกประหลาดใจในเสี้ยววินาทีแรก ก็เป็นความรู้สึกของหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
ผมไม่ประหลาดใจ เพราะความรู้สึกในใจมันมากเสียจนยากที่จะมองผ่านไปได้

๓.
ผมทักเธอ และเราคุยกันอยู่พักใหญ่
ในจินตนาการผ่านตัวหนังสือบนจอไฟฟ้า เธอยังคงน่ารักไม่เปลี่ยน
ซ้ำร้ายอาจมากกว่าเดิม เมื่อในบางครั้ง บางประโยค ผมรู้สึกว่าเธอมีความมั่นใจขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
เวลาเธอหยอกล้อ ผมยังคงได้ยินเสียงของเธอแจ่มชัดอยู่ในหัว
แม้ว่าในควาเป็นจริง บางที ในความจริงมันอาจไม่เหมือนที่เคยเป็น
บางที อาจเป็นผมเองที่หยุดเวลาเอาไว้

๔.
ผมให้ที่อยู่ใหม่กับเธอ
เธอบอกว่าตั้งแต่ไปอยู่เชียงใหม่ เธอชอบส่งโปสการ์ด
ผมขอให้เธอส่งรูปถ่ายที่ผมอยากได้มาให้
ผมบอกเธอว่า คิดถึง ส่งมานะ แล้วผมจะรอ

...แล้วผมก็น้ำตาร่วง...

มันเป็นหยดน้ำตาของความคิดถึง
ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เธอ(ฤใครๆ)รู้ว่าความคิดถึงมันมากมายแค่ไหน
ตอนที่พิมพ์ว่า "เราจะรอ" หากใครเอาปรอทวัดความคิดถึงมาให้ผมอมใต้ลิ้น มันคงจะพุ่งขึ้นจนทะลักกระเปาะ
ทะลักจนล้นออกมาเป็นหยดน้ำตา
แต่อย่าถามต่อว่าในหยดน้ำตาหยดนั้น นอกจากความคิดถึงแล้ว มันยังปนเปื้อนด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจฤไม่
เพราะแม้แต่เจ้าของหยดน้ำตาเองก็ยังไม่แน่ใจ

๕.
หลายใครถามผมว่า เมื่อไรถึงจะเลิกเสียใจจากความรักครั้งนี้
หลายใครถามผมว่า เมื่อไรผมจะลืม แล้วเริ่มต้นใหม่

ผมตอบไม่ได้

ให้ผมถามหลายใครกลับบ้างได้ไหม?
จำได้เลาๆ สมัยเด็กๆ ในแบบเรียน เขาบอกว่า กล้ามเนื้อหัวใจเป็นกล้ามเนื้อเรียบ บังคับไม่ได้ (ใช่ไหม?)
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมอยากถามว่า

ถ้าเราคิดจะลืม เราก็จะลืมได้จริงๆ น่ะหรือ
ถ้าเราคิดจะเลิกเสียใจ เราก็จะเลิกเสียใจได้จริงๆ น่ะหรือ
ถ้าเราคิดจะหยุดรัก ความรักมันก็จะจางจากไปดื้อๆ ได้จริงๆ น่ะหรือ

ผมไม่ค่อยมั่นใจ

...ก็ในเมื่อ เรื่องบางเรื่อง ยิ่งจำก็ยิ่งเจ็บช้ำ
...ก็ในเมื่อ เรื่องบางเรื่อง ไม่ต้องบันทึก เราก็จำฝังใจ

2 comments:

Anonymous said...

ขอเข้ามาเขียนทักทายนะคะ
ได้อ่านบล็อคแล้ว มีหลายเรื่องที่อ่านแล้วอินตามไปด้วยค่ะ(โดยเฉพาะเรื่องนี้) แต่คงถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้ไม่ดีเท่า
ขอชมว่าเขียนได้น่าอ่าน+ เพลินดี

จะติดตามอ่านต่อไป อย่าเพื่งเลิกเขียนนะคะ
สุดท้าย เป็นนักเขียนเถอะค่ะ

BozzaNova said...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ
(ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอ่านฤเปล่านะครับนี่)

ปล. เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว
กลับมาอ่านไอ้ที่ตัวเองเขียนนี่อีกทีก็....

เกือบไปแล้วครับ
*__*