Saturday, April 15, 2006

นักเดินทาง

[เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2549 เวลาประมาณห้าทุ่ม, ที่บาร์ริมหาดแห่งหนึ่ง ณ เกาะเต่า]

ห้าทุ่ม... ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่บาร์ริมหาดแห่งหนึ่ง ณ เกาะเต่า (หาดโฉลกบ้านเก่า) การมาเดินทางมาหย่อนใจครั้งนี้ ผมติดสอยห้อยตามเพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายคนหนึ่งมา โดยที่เธอเองก็เกาะมากับรุ่นพี่ที่ทำปริญญาเอกอยู่ด้วยกัน นอกนั้น อีกประมาณสิบชีวิตที่เหลือ เราทั้งคู่ต่างไม่เคยรู้จักมาก่อนหน้า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า เมื่อเพื่อนผมไม่อยากมานั่งที่บาร์ริมหาดและขอตัวเข้านอน ผมจึงต้องมานั่งปล่อยอารมณ์อยู่คนเดียวที่นี่

มองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนไทยแท้ๆ เพียงคนเดียว ณ บาร์ริมหาดแห่งนี้ เพราะแม้แต่พนักงานบริการที่บาร์นี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไทยแท้ๆ (ผมเดาเอาจากการที่พวกเขาดูจะฟังและพูดภาษาอังกฤษคล่องและชัดเจนกว่าภาษาไทยที่ผมสื่อสารด้วย) นอกเหนือไปจากผมและพนักงานบริการก็เป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า คนไทยอัธยาศัยดี ดีกว่าพวกฝรั่งตาน้ำข้าว ผมเองก็เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว... แต่กับสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวที่มาเพียงลำพัง ณ ที่ต่างถิ่น บางครั้งทฤษฎีนี้ก็อาจไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด บ่อยๆ ที่ผมเห็นฝรั่งที่มานั่งคนเดียวแล้วก็ทักทายผู้คนรอบข้าง ชวนพูดคุย

...กับบางคน อาจดูแปลก เพราะแน่นอน หากเลือกได้ การเดินทางไกลๆ กับเพื่อนที่รู้ใจ อย่างน้อยสักคนสองคน ย่อมเป็นทางเลือกที่น่าเลือกมากกว่า แต่บางครั้ง คนเราก็อาจมีเหตุผล ข้อจำกัด ให้ต้องเดินทางไกลๆ คนเดียว และในหลายครั้ง มันก็มีข้อดีที่ต่างออกไป เราอาจมีโอกาสได้พบเจอ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิด มุมมอง ฯลฯ กับคนแปลกหน้า ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม และเขาเหล่านั้นที่อาจเรียกได้ว่าเป็น "นักเดินทาง" อาจให้ความคิด มุมมอง อะไรดีๆ บางอย่าง ที่เขาได้จากการเดินทางอยู่เป็นนิจ กับเราบ้างก็เป็นได้

...
...
...

ในความเป็นจริง เราทุกคนอาจเป็นนักเดินทางด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดจนตาย เราต่างก็เดินทาง, อย่างน้อยก็ในความคิด, เราต่างเดินทางเสาะแสวงหาบางสิ่งบางอย่างให้กับอีกบางสิ่งบางอย่างข้างในตัวเอง
ในระหว่างทางเดินของชีวิต เราคงได้พบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา กับผู้คนเหล่านั้น บางคนเพียงมองหน้ากัน บางคนเรายิ้มให้ บางคนเราได้รู้จัก บางคนเราถึงกับได้เดินทางร่วมกัน
คนเราเกิดมาเพียงลำพัง แต่อาจไม่ตายไปอย่างเดียวดาย เมื่อในระหว่างทาง เราสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมามากมาย คงไม่มีใครอยู่คนเดียวบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ ผมเชื่ออย่างนั้น

ทุกๆ สิ่ง ทุกๆ คน ที่เราพบเจอในระหว่างเดินทางแห่งชีวิต จะดีจะแย่ ชอบฤว่าไม่ เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันได้หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างที่เป็นอยู่ ...แม้แต่กับเรื่องราวร้ายๆ ในชีวิต หากจะว่าไป มันก็สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรอะไร รวมถึงสอนให้เรารู้จักระวังตัวในคราวต่อๆ ไป เพียงเรารู้จักเลือกสรร เฟ้นหา หยิบเอาเกร็ดที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต มาใช้ มาเรียนรู้... ความเจ็บปวดทุกข์ร้อนที่ผ่านเข้ามาก็จะมีคุณค่าและความหมายกับเราอยู่เหมือนกัน ดังคำพูดของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ว่าเอาไว้ในหนังสือ open diary

...ในความเจ็บปวด คงมีความสุข กระทั่งความงดงามบางอย่างซ่อนอยู่...

No comments: